เทคนิคการเดินป่าฤดูฝน….ลมเปลี่ยนทิศ เมฆเริ่มตั้งเค้า คำพยากรณ์จากกรมอุตุ แจ้งเตือนให้ทราบว่าฤดูฝนกำลังเข้ามาแล้ว เสน่ห์ของป่าหน้าฝนหลายคนว่ากันว่ามันคือความชุ่มชื่น เขียวชะอุ่ม กลิ่นของดิน สายหมอก และอากาศสดชื่น
สำหรับสายป่าที่ไม่กลัวฝน ความชื้นแฉะ หรือเจ้าน้องทากุจัง(ทาก) ชอบความท้าทายทั้งหลาย เรามีเทคนิคการเดินป่าในช่วงฤดูฝนมาฝากกัน
1.ตรวจสอบสภาพอากาศ 3-7 วันก่อนเดินทาง
สำหรับการเดินป่าแล้วสภาพอากาศถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะนั้นหมายถึงการเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เราสามารถคาดการณ์ไว้ได้ล่วงหน้าไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของเสื้อผ้า สัมภาระ สถานที่ ซึ่งแนะนำให้ตรวจสอบสภาพอากาศอีกครั้งก่อนการเดินทางจริง 1 วัน ทั้งนี้การพยากรณ์อากาศเป็นเพียงการทำนายสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรแล้วจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมรับมืออยู่เสมอ
2.เลือกเส้นทางที่เหมาะสม
เส้นทางเดินป่าในไทยมีความแตกต่างหลากหลายทั้งในแง่ของพรรณไม้ ความยากง่ายและช่วงฤดูกาลที่เปิดในท่องเที่ยวคงไม่อยากไปที่นั้นๆผิดช่วงใช่มั้ย?? ในที่นี้หมายถึงสถานที่ที่บางแห่งมีกำหนดช่วงเวลาที่เปิด บางที่เปิดเฉพาะช่วงฤดูร้อน บางที่เปิดเฉพาะฤดูหนาว ตัวอย่างเส้นทางเดินป่าที่เปิดในช่วงฤดูฝน เช่น น้ำตกต่างๆ ภูสอยดาว ดอยห้วยทู่ ดอยหลวงตาก ภูวัว น้ำตกสายรุ้งละอองดาว น้ำตกเปรโตลอซู ดอยมะม่วงสามหมื่น เป็นต้น
3.การเลือกเสื้อผ้า
รู้หรือไม่ว่าเมื่อเราเปียกเราจะรู้สึกหนาวขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า และจะหนาวขึ้นอีกเมื่อมีลมมาสนับสนุน สำหรับการเดินป่าในฤดูฝนอาจจะมีบางครั้งที่เราต้องเดินท่ามกลางสายฝน เพราะฉะนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ที่สามารถกันน้ำได้ โดยแบ่งเป็นชั้นนอกและชั้นใน ชั้นนอกควรเป็นผ้าที่สามารถกันน้ำกันลมและน้ำหนักเบา ชั้นในควรเป็นชั้นที่เน้นการระบายอากาศและหรือช่วยเพิ่มความอบอุ่น
4.เลือกรองเท้า
หลายคนอาจจะคิดว่าควรเลือกซื้อรองเท้าที่สามารถกันน้ำได้ แต่ส่วนตัวในช่วงฤดูฝนอยากจะแนะนำรองเท้าที่ เบา ระบายอากาศได้ดี แห้งไวมากกว่า อย่างเช่นพวกรองเท้าเทรลหรือรองเท้าเดินป่าที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งสามารถแห้งได้ไวกว่ารองเท้าบู๊ทหรือรองเท้าที่กันน้ำ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเดินป่านั่นก็คือ เท้าที่แห้ง ส่วนเรื่องรองเท้าข้อสูงหรือรองเท้าข้อสั้นขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ล่ะบุคคลแต่ในส่วนของการศัพพอตบริเวณข้อเท้ารองเท้าจำพวกข้อสูงจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บหรือกันข้อเท้าพลิกได้ดีกว่า ทั้งนี้พวกถุงเท้าเดินป่าเองแนะนำเป็นพวกที่มีขนสัตว์(Wool) หรือขนสัตว์ผสมเส้นใย เนื่องจากวัสดุพวกนี้ช่วยเรื่องการระบายอากาศ ลดการเกิดกลิ่น ช่วยเรื่องความอบอุ่นอีกทั้งยังช่วยเรื่องการป้องกันไม่ให้เท้าพองได้อีกด้วย
อ่านต่อบทความ >>> การเลือกถุงเท้าเดินป่า
5.วิธีจัดกระเป๋า
ปัญหาหลักเลยหลังจากฝนตกที่พบบ่อยคือน้ำรั่วซึมลงภายในกระเป๋าจนทำให้สิ่งของภายในเปียก คงไม่ดีเอามากๆหากเสื้อผ้าหรือข้าวของที่เราแบกไปเปียก แล้วเราต้องใส่ทั้งที่ยังเปียกซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากๆสำหรับการเดินป่าในฤดูฝน น้ำฝนจะทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักมากขึ้น หรือของเปียกจนไม่สามารถใช้งานได้
วิธีการที่ช่วยได้ดีเลยคือการที่เราใช้ถุงพลาสติกหรือถุงดำขนาดใหญ่ เป็นชั้นรองก่อนจะจัดใส่สัมภาระต่างๆลงไปโดยการแบ่งใส่ถุงเล็ก ถุงกันน้ำ หรือถุงซิปลอคในการใส่สัมภาระร่วมด้วย เพื่อป้องกันสัมภาระเปียกน้ำและสัมภาระเสียหาย
อ่านต่อบทความ >>> เทคนิคการสะพายกระเป๋า ตำแหน่งของการวางสัมภาระ
อ่านต่อบทความ >>>ไปเดินป่าฝน/เที่ยวน้ำตก ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง??
6.ไม้เทรคกิ้ง
หลายคนอาจจะคิดว่าไม้เท้าเดินป่าเป็นสิ่งไม่สำคัญ แต่บอกเลยว่ามันช่วยชีวิตเราได้มาก นอกจากทำหน้าที่กระจายน้ำหนักที่ลงเข่าของเราทั้งสองข้างเสมือนเรามีขาเพิ่มขึ้น ลดการบาดเจ็บของหัวเข่า ช่วยกันลื่นล้มจากพื้นโคลนหรือพื้นที่ลื่นได้ หรือใช้วัความแข็งแรงความตื้นลึกของเส้นทาง
อ่านต่อบทความ >>> ประโยชน์ของไม้เท้าเดินป่า
7.ร่มสำหรับเทรคกิ้ง
ไอเท็มเสริมสำหรับป่า ปัจจุบันมีทั้งแบบสวมศรีษะ ติดกับกระเป๋า หรือแบบถือกางปกติ ซึ่งร่มประเภทนี้มักออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและสามารถกันฝนได้ดี ขนาดเล็กนับเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักเดินป่าหน้าฝน
8.เท้าและความชื้น
การเดินป่าฤดูฝนอาจจะหลีกเลี่ยงปัญหาความชื้นของรองเท้าถุงเท้าได้ยาก ซึ่งก็เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของนักเดินป่า เท้า,รองเท้าหรือถุงเท้าเปียก เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียดสีและเกิดเท้าพอง หัวใจสำคัญของการเดินป่า คือ เท้าจะต้องแห้ง ดังนั้น เมื่อระยะเวลาผ่านไปเราควรถอดรองเท้าถุงเท้าออกมาเพื่อระบายอากาศ และมีถุงเท้าไปมากกว่าจำนวนวันเดินทางหรือมีถุงเท้าสำรองอยู่เสมอ
อ่านต่อบทความ >>> วิธีป้องการการเกิดเท้าพองจากการเดินป่า