สัมผัสลมหนาวและสายฝน ท่ามกลางลานสนสามใบ ปืนภูนอนดูดาวพร่างพราย ดอกหงอนนาคพลิ้วไหว
การท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ เดินป่า ปืนเขา ไม่ใช่การท่องเที่ยวแนวใหม่ เพียงแต่อาจได้รับความนิยมในกลุ่มคนจำนวนไม่มากเท่ากับการท่องเที่ยวรูปแบบอื่น แล้วจะไปที่ไหนดี มีหลายที่ให้เลือก แต่ละที่ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ธรรมชาติในประเทศไทยมีความสวยงาม และมีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าที่อื่นๆแน่นอน
ขอแนะนำให้รู้จักกับ ยอดภูเจ้าของความสูงอันดับที่ 4 ยอดสูงสุดอยู่ที่ 2102 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่เดียวเที่ยวได้ 2 ประเทศ….@ภูสอยดาว
ความน่าสนใจของภูสอยดาวจะแตกต่างกันไปตามฤดู ถ้าไปช่วงหน้าฝน จะได้เห็นความเขียวของทุ่งหญ้า ต้นสนสามใบ และทุ่งดอกหงอนนาค หรือน้ำค้างกลางเที่ยง ที่ภูสอยดาวแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาค” ซึ่งจะออกดอกชูข่อให้ได้เห็นมาก ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม แต่ช่วงที่ทางอุทยานจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมนั้น จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี และปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติระหว่าง 15 มกราคม – 31 มิถุนายนของทุกปี แต่ถ้าไปช่วงหน้าหนาวเราก็จะได้เห็นท้องฟ้าที่ตกแต่งด้วยดวงดาว ไฮไลท์ในช่วงหน้าหนาวคือ ทางช้างเผือก ทะเลหมอก และยอดสูงสุดของภูสอยดาว ซึ่งจะเปิดให้ขึ้นในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น
เส้นทางในการเดินนั้นมีความท้าทายพอสมควรเลยทีเดียว เนื่องจากลักษณะพื้นที่ป่ามีความหลากหลาย มีความต่างระดับของพื้นที่มาก เป็นเทือกเขาที่มีความสลับซับซ้อน กั้นระหว่างไทย-ลาว 85% ของพื้นที่เป็นภูเขาและป่าไม้ อีก 15% เป็นที่ราบ ยิ่งในช่วงหน้าฝนดินจะลื่นต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดิน เรียกว่าเป็นเส้นทางที่ทำให้ลุ้น เลอะ และเหงื่อซึมได้อยู่เหมือนกัน ระยะทางในการเดินนั้นจะเริ่มเดินเท้าจากน้ำตกภูสอยดาว ขึ้นสู่ยอดภูสอยดาวรวมระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมง สำหรับเวลาในการเดินนั้น ตามความฟิตของแต่ละคนเลย ถ้าใครกลัวเป็นตะคริวแนะนำว่าให้ออกกำลังกายก่อนมาที่นี่ซัก 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้กล้ามเนื้อเกิดความเคยชิน
ในเส้นทางการเดินนั้นจะต้องผ่านเนินหลักๆทั้งหมด 5 เนิน แต่ละเนินจะมีชื่อคอยบอกให้เรารู้ว่า ตอนนี้เราอยู่จุดไหน และใกล้ถึงจุดพักบริเวณลานสนสามใบ ที่จะเป็นจุดกางเต็นท์พักแรมรึยัง เริ่มเนินวัดใจทั้ง 5 เนินกันด้วย
- เนินส่งญาติ ระยะเดินจากจุดเริ่มต้นคือ 1600 ม. ทางเดินขึ้นนั้นชันพอสมควร จะมีทั้งที่เป็นบันไดเหล็ก บันไดไม้ และไม่มีบันได ระยะทาง 650 เมตร เรียกว่าวอร์มอัพกันเล็กน้อย จากจุดนี้หากใครไม่ไหวจริงๆ จะเปลี่ยนใจก็ยังทัน เพราะทางอุทยานฯจัดจุดกางเต้นท์บริเวณที่ทำการด้านล่างไว้ด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาถึงหลังเวลาบ่าย 2 โมง
- เนินปราบเซียน จุดแรกผ่านไปใครตัดสินใจไปต่อ นี่เป็นจุดที่ 2 ระยะทาง 780 เมตร เป็นทางสูงชัน นักท่องเที่ยวนิยมพักเหนื่อย หรือพักกินข้าวที่พกมาด้วยที่จุดนี้ เนื่องจากมีระยะทางห่างจากจุดเริ่มต้น 3000 เมตร จากระยะทาง 6500 เมตร หรือเกือบครึ่งทางของระยะทางทั้งหมด
- เนินป่าก่อ “ป่าก่อ” เป็นชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียก “ต้นโอ๊ก” ทางเดินช่วงนี้ไม่ชันมาก รอบๆบริเวณนี้จะเต็มไปด้วย “ต้นก่อ” อันเป็นที่มาของชื่อ เนินป่าก่อ
- เนินเสือโคร่ง จุดนี้มีระยะทางประมาณ 200 เมตร ที่มาของชื่อเนินจุดนี้มาจาก “ต้นกำลังเสือโคร่ง” มาถึงจุดนี้ก็เดินมาได้ประมาณ 4700 เมตร
- เนินมรณะ เป็นช่วงสุดท้ายก่อนถึงลานสน ระยะทาง 1410 เมตรโดยประมาณ จุดนี้จะเป็นช่วงที่ชันที่สุด ในเส้นทางเดินป่า ภูสอยดาวนี้ แต่จะมีวิวภูเขา มีหมอกจางๆ ให้ได้เห็น มีจุดถ่ายรูปสวยๆ กับความสูงที่ 1633 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชื่นชมธรรมชาติไปพร้อมกับชื่นชมตัวเองว่าเก่งมาก ที่ผ่านความลำบากมาได้ เพราะจากจุดนี้ไปจะเป็นทางราบไปจนถึงลานสน ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์ นอนดูดาว โชคดีอาจได้เห็นทางช้างเผือก ดูความสวยและบรรยากาศของพระอาทิตย์ตก และชมดอกหงอนนาคที่ใครๆตามหา เป็นรางวัลสำหรับทุกคน ที่อดทนเดินขึ้นมา
ลานสนสามใบภูสอยดาว จุดหมายปลายทาง ลานกางเต็นท์ เดินมาถึงจุดนี้บางคนอาจรู้สึกหมดแรง เพราะรู้ว่าจะได้พักแล้ว พื้นที่เป็นที่ราบบนเทือกเขา มีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เราจะได้เห็นดอกหงอนนาคบริเวณนี้ กระจายอยู่โดยรอบ
วิธีการเดินทางไปภูสอยดาว
สะดวกที่สุดคือ ขับรถไปเอง แต่ถ้าใครจะใช้ขนส่งสาธารณะก็ได้นะ
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคล
- เส้นทางที่ 1 สำหรับใครที่เดินทางขึ้นเหนือ เริ่มจาก จ.พิษณุโลกกัน ไปตามทางหลวงแผ่นดิน #11 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดิน #1246 พอถึงแยกบ้านแพะให้เลี้ยวเข้าทางหลวง #1143 ผ่านอำเภอชาติตระการ แล้วแยกเข้าทางหลวง #1237 ผ่านบ้านบ่อภาคขับต่อไปจะไปบรรจบกับเส้นทางหลวง #1268 ถึงน้ำตกภูสอยดาว รวมระยะทางประมาณ 188 กิโลเมตร
- เส้นทางที่ 2 สำหรับใครที่ลงมาจากทางเหนือ เริ่มจาก จ.อุตรดิตถ์ ใช้เส้นทางอุตรดิตถ์ – น้ำปาด ( ทางหลวง #1047) ออกจาก จ.อุตรดิตถ์ พอถึง อ.น้ำปาด ให้เลี้ยวรถแล้วใช้ทางหลวงจังหวัด #1239 ขับต่อไปประมาณ 47 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัด #1268 ขับต่อประมาณ 18 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
- หรือตั้ง GPS ไว้เลย แล้วขับตาม GPS ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใครจะใช้ขนส่งสาธารณะ ก็เช็คตามรายละเอียดต่อไปนี้ได้
เดินทางโดยรถทัวร์ / รถตู้โดยสาร
- วิธีที่ 1
- ช่วงที่ 1 จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถที่หมอชิต ซื้อตั๋วมาลงสถานีขนส่งพิษณุโลก ราคาและเวลา ก็สอบถามได้จากเคาท์เตอร์แต่ละบริษัท จากจังหวัดอื่น ก็มาลงสถานีขนส่งพิษณุโลกเช่นกัน
- ช่วงที่ 2 จากขนส่งพิษณุโลก นั่งรถโดยสารระหว่างอำเภอ ไปอำเภอชาติตระการ ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ค่าโดยสารประมาณ 84 – 95 บาท ( ราคาอาจเปลี่ยนแปลง ควรสอบถามก่อนขึ้นรถ )
- ช่วงที่ 3 จากอำเภอชาติตระการ ต้องใช้บริการรถสองแถว มีวันละ 1 เที่ยว รถออกไม่เกิน 9.00 ไปที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร
- วิธีที่ 2
- ช่วงที่ 1 ขึ้นรถที่หมอชิต มาลงสถานีขนส่งพิษณุโลก
- ช่วงที่ 2 จากขนส่งพิษณุโลก ใช้บริการรถรับจ้างเหมาไป – กลับ ราคาประมาณ 2600 บาท ไปอุทยานฯระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร
- หากเลือกเดินทางด้วยรถทัวร์ แนะนำให้วางแผนการเดินทาง ตรวจเช็คเวลาและซื้อตั๋วล่วงหน้าก่อนเดินทาง เพื่อความสะดวก
- เพื่อความสบายและได้พักผ่อน (ก่อนลำบาก) ควรเลือกรถนอนที่ไปถึงก่อนสว่างราวๆตี 5 และที่พิษณุโลกจะมีสถานีขนส่ง 2 แห่ง ควรสอบถามจุดจอดก่อนซื้อตั๋วด้วย เพื่อสะดวกในการต่อรถไป อ.ชาติตระการ
- สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นดอยไม่ทัน (เวลาขึ้น 8.00 – 14.00 น.) ทางอุทยานฯได้เตรียมสถานที่กางเต็นท์ไว้บริเวณที่ทำการอุทยานฯด้านล่าง
เดินทางโดยรถไฟ
- ช่วงที่ 1 นั่งขบวนรถไฟสายเหนือ มาลงสถานีพิษณุโลก เลือกขบวนกลางคืนเพื่อจะได้นอนพักเอาแรง และมาให้ทันรถที่จะขึ้นภูสอยดาวในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น เนื่องจากทางที่ทำการฯ กำหนดเวลาขึ้น เอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว สำหรับรถไฟมีหลายประเภทให้เลือก อยากนั่งสบาย ถึงที่หมายเร็วที่สุด ต้องขบวนรถด่วน, ด่วนพิเศษ, สปริ๊นเตอร์ ( ต้องจองล่วงหน้า ) แต่ถ้าไม่รีบมาก ไม่อยากจ่ายเยอะ ต้องรถเร็ว ( จองล่วงหน้าเฉพาะตู้นอน ) สำหรับราคาค่าโดยสาร สอบถามสถานีต้นทางที่จะขึ้นอีกที หรือเข้าไปเช็คได้ที่ WWW.RAILWAY.CO.TH > Web Destination ประหยัดที่สุด ก็เลือกนั่งรถธรรมดา ตั๋วถูกที่สุด แต่ก็จอดตามสถานีเยอะที่สุดเหมือนกัน ( ต้องระวังเรื่องรถเสียเวลาด้วย)
- หากเลือกเดินทางด้วยรถไฟ แนะนำให้เลือกเวลาไม่เกิน 2 ทุ่ม เผื่อรถเสียเวลา จะได้หารถไปจุดต่อไปได้ทันเวลา
- หากเลือกเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ลงที่พิษณุโลกจะเดินทางต่อง่ายที่สุด
- ช่วงที่ 2 ขึ้นรถสองแถว หรือเหมารถตุ๊กๆ หรือ นั่งแท็กซี่มิเตอร์ ( เฉพาะแท็กซี่คิดค่าบริการอีก 40 บาท ) ไปลงสถานีขนส่งพิษณุโลกค่ะ
- ช่วงที่ 3 จากสถานีขนส่งพิษณุโลก นั่งรถประจำทางระหว่างอำเภอ ไปอำเภอชาติตระการ แต่วิธีนี้ต้องไปต่อรถสองแถวที่อำเภออีกที รถจะวิ่งวันละ 1 เที่ยว หรือ เหมารถจากสถานีขนส่งไปอุทยานฯ ราคาไป – กลับประมาณ 2600 บาท ( ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ )
- บริเวณจุดจอดรถโดยสารประจำอำเภอชาติตระการ จะมีตลาดสดอยู่ สามารถซื้ออาหารขึ้นไปได้ โดยเฉพาะมื้อเช้าก่อนเดิน กับมื้อกลางวันระหว่างทางเดินขึ้น ควรเตรียมอาหารทานง่ายติดไปด้วย
ข้อมูลทั่วไป
ทางอุทยานฯ มีร้านค้าสวัสดิการไว้บริการ 2 จุด คือ
- บริเวณที่ทำการอุทยานฯ จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 8.00 – 16.30 น.
- บริเวณน้ำตกภูสอยดาว จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 8.00 – 16.30 น.
- ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางอุทยานฯได้ที่เบอร์ 055 – 436793, 095 – 6299528, 091 – 0247633
- Email: phusoidao07@hotmail.com
- สิ่งที่ขาดไม่ได้ ควรนำติดตัวไปด้วยคือ เสื้อกันฝน ยากันยุง ยากันทาก ยาแก้ไข้ และไฟฉาย ของใช้ส่วนตัวพวกแปรงสีฟัน ขันน้ำ
ทางอุทยานฯเปิดให้ขึ้นดอย ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2563 แบบจำกัดจำนวน 850 คน/วัน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด นักท่องเที่ยวต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนเดินทางมา ภาพบรรยากาศและความสวยงามของธรรมชาตินี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เราอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง….นอนดูดาว..เดินขึ้นเขา..ชมทุ่งดอกหงอนนาคด้วยกัน @ภูสอยดาว
ขากลับใครพอมีเวลาเที่ยวเหลือ แนะนำให้แวะมาชิมผลไม้ และของดีของจังหวัดอุตรดิตถ์ แวะสักการะ หลวงพ่อเพ็ชรวัดท่าถนน เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกลับ
ขอให้เดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม เดินช้า เดินเร็วไม่สำคัญ ใจสู้เท่านั้นสำคัญกว่า